ในบทความนี้ Martha Schabas ซึ่งเป็นนักเขียนและผู้อำนวยการฝ่ายบรรณาธิการ จะพาสำรวจผลงานของศิลปินชื่อ Sagarika Sundaram เพื่อเผยให้เห็นว่าศิลปะและการออกแบบสามารถเชื่อมโยงเราเข้ากับโลกของธรรมชาติและทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นได้อย่างไร อิ่มเอมไปกับการสะท้อนความคิดของพวกเขาและปลุกสายสัมพันธ์อันสร้างสรรค์ที่คุณมีต่อธรรมชาติให้ตื่นขึ้น
บทกวีแห่งสถานที่
Pullman Draft คือไอเดียที่ก่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ เป็นการจุดประกายในบทสนทนา และคำเชิญให้มองโลกในมุมใหม่ ยินดีต้อนรับสู่ Pullman Drafts ซีรีส์บทสะท้อนส่วนตัวร่วมกับ House of Beautiful Business ที่นำเสนอข้อมูลดีๆ จากวงการธุรกิจ วัฒนธรรม สื่อ และเทคโนโลยี
18 กันยายน 2025
less than a minute
บางทีตอนเด็ก ๆ คุณอาจเคยมีบ้านต้นไม้ที่ทำให้คุณนั่งอยู่เหนือละแวกบ้านและรู้สึกแก่พอ ๆ กับรากไม้ที่อยู่ใต้คุณ หรือบางทีอาจจะมีกระท่อมเล็ก ๆ ริมทะเลที่คุณชอบไปจิบไวน์และครุ่นคิดถึงความกว้างใหญ่ของมหาสมุทร มีบางอย่างที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับพื้นที่ที่ผสมผสานทั้งที่ยังดิบ ๆ และได้รับการดูแล ทั้งความเป็นธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างโดยมนุษย์ พื้นที่เหล่านี้ช่วยเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงของเรากับโลก และย้ำเตือนให้เรารู้ว่าเราคือส่วนหนึ่งของสิ่งที่มีอายุมากกว่าตัวเมือง ตึกสูง และอนุสาวรีย์ของเรา
เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาที่ปารีส ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกอาคาร Le Panthéon ในสภาพอากาศ 30 องศาเซลเซียส มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งยื่นตั๋วรถไฟใต้ดินให้ลูกชายวัยสามขวบของฉัน ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าให้เป็นของที่ระลึกเพื่อนำกลับบ้าน พร้อมอธิบายว่าตั๋วอายุ 120 ปีเหล่านี้กำลังจะถูกเลิกใช้เพื่อเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทการ์ดแบบใหม่ ลูกชายของฉันยัดตั๋วใส่กระเป๋ากางเกงและลืมไปในทันที แต่ฉันก็ตั้งใจล้วงมันออกมาจากกางเกงขาสั้นของเขาในคืนนั้น สิ่งที่ลูกชายวัยสามขวบของฉันไม่ได้สนใจ กลับเต็มไปด้วยความทรงจำสำหรับฉันมากมาย
เมื่อสิบปีก่อน ฉันมาปารีสเพื่อหลีกหนีจากชีวิตเดิม ๆ ของตัวเองสักพัก และเพื่อเขียนนวนิยายที่กำลังแต่งให้เสร็จ ฉันเช่าอพาร์ตเมนต์ต่อจากผู้เช่าคนก่อนในเขตที่ 18 ของปารีส อยู่ทางทิศเหนือของย่านที่คึกคักอย่าง Montmartre เล็กน้อย จากโต๊ะทำงานของฉันมองเห็นลานบ้านเก่า มีต้นแบล็กโลคัสงอกขึ้นมาจากพื้นหิน ในวันที่แดดออก ฉันจะเปิดประตูบานกระจกคู่ออกและดันโต๊ะทำงานชิดรั้วระเบียง เพื่อนั่งระหว่างในร่มกับกลางแจ้ง ฉันชอบพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีสิ่งกั้นระหว่างด้านในและด้านนอก พื้นที่ระหว่างสองฝั่งนี้ที่ให้ความรู้สึกสงบและกระตุ้นไปพร้อม ๆ กัน ทำให้บรรยากาศภายนอกซึมซับเข้ามาในอารมณ์ของฉัน ในฐานะนักเขียน ฉันโหยหาความใกล้ชิดกับความไม่แน่นอนผันผวนของธรรมชาติ แต่คงจะไม่ถึงกับไปตั้งโต๊ะทำงานอยู่กลางแจ้งหรอก ความขัดแย้งระหว่างปัจจัยภายในและภายนอกต่างหากที่สร้างแรงบันดาลใจให้ฉัน
ความสนใจในความขัดแย้งนี้เองคือสิ่งที่ทำให้ฉันหลงใหลในผลงานอันโดดเด่นของ Sagarika Sundaram Sagarika เป็นประติมากรและศิลปิน เกิดที่อินเดียและปัจจุบันอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก เธอได้ใช้เทคนิคโบราณของ Felting ซึ่งเป็นการย้อมขนแกะดิบด้วยมือและทำให้กระจายตัวด้วยน้ำสบู่ เพื่อสร้างสรรค์โครงสร้างที่ซับซ้อนและมีผิวสัมผัส ซึ่งผลงานของเธออาจตั้งบนพื้น แขวนลงมาจากเพดาน โอบล้อมรอบต้นไม้ หรือเติมเต็มรอยแยกที่อยู่ระหว่างก้อนหิน เธอหลงเสน่ห์ในความผูกพันที่แยกจากกันไม่ได้ของมนุษย์กับโลกธรรมชาติ และความขัดแย้งระหว่างด้านในกับด้านนอก “ธรรมชาติฝังลึกอยู่ในจิตใจของฉัน” เธอเอ่ยกับฉัน “ฉันชอบผ่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหินเกโอด คริสตัล ดอกไม้ ฉันมีแรงจูงใจจากความลึกลับของสิ่งที่อยู่ข้างใน” เธอกล่าว
เราได้พูดคุยกันทาง Zoom ในบ่ายวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงที่มีแดด ฉันอยู่ที่โทรอนโต ส่วนเธออยู่ในสตูดิโอของเธอซักแห่งจากสามสตูดิโอที่แมนฮัตตัน เมื่อพูดถึงผลงานของเธอ เธอตื่นเต้นที่จะแสดงภาพถ่ายจากนิทรรศการล่าสุดให้ฉันดู และหยุดพิจารณาที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีสีสันสดใสซึ่งทำจากผ้า วูลดิบ และเส้นด้ายที่ห้อยลงมา ใกล้ใจกลางของมันมีรูปทรงวงรีฝังอยู่ในเครือข่ายของเส้นลวดที่ดูเหมือนเส้นเลือด “ฉันสนใจรูปทรงที่เป็นนามธรรมและสามารถตีความได้หลายแบบ ซึ่งอาจเป็นดอกไม้กินสัตว์หรือดวงตา” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “งานของฉันสำรวจความสัมพันธ์ของเรากับสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ ฉันคิดว่ามันสะท้อนลักษณะหนึ่งของธรรมชาติที่โหดร้ายและเย้ายวน ซึ่งสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ในแง่หนึ่ง
การสร้างประตูสู่โลกที่แตกต่าง
Sagarika ตระหนักดีว่าความหลงใหลในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมของเธอนั้นมีมาตั้งแต่สมัยเด็ก เธอเกิดที่โกลกาตา และต้องย้ายที่อยู่หลายครั้งระหว่างที่โตขึ้นมา ทำให้เธอต้องเผชิญกับภูมิทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตอนเด็ก เธออาศัยอยู่กับครอบครัวที่ดูไบ ซึ่งยังไม่ใช่นครใหญ่เหมือนทุกวันนี้ แต่เป็น "ทะเลทรายในเมือง" ที่ล้อมรอบด้วยผืนดินทรายอันแห้งแล้ง มีฤดูหนาวที่อบอุ่นและฤดูร้อนซึ่งร้อนจัดจนอยู่ไม่ได้ จากนั้นเธอก็กลับไปยังอินเดียเพื่อเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำแนวทดลองในหุบเขาที่เขียวชอุ่มทางตอนใต้ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งต่อความคิดสร้างสรรค์ที่ในช่วงเริ่มต้นของเธอ “นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันมีพื้นที่ธรรมชาติรอบตัวมากมายขนาดนั้น" เธอกล่าว "หุบเขาเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่ต่อสำหรับการพัฒนาของเรา เราเคยไปเดินป่าบนเขาเป็นประจำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาของเรา
ที่โรงเรียน Sagarika ได้สร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติขึ้นมา ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการหล่อหลอมตัวตนของเธอ ทุกวัน เธอจะเดินอยู่ใต้ต้นราชพฤกษ์สูงใหญ่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เธอรู้สึกถึงความสุขบริสุทธิ์ที่สุด “ใบสีเหลืองสดของมันดูโดดเด่นมากเมื่อต้องแสงและสร้างเงาที่พริบไหวอย่างสวยงาม” เธอกล่าว เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเห็นเธอในช่วงเวลานั้นและถามเธอว่าหัวเราะกับเรื่องอะไร Sagarika ก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอะไร แต่กลับรู้สึกดีที่มีคนมองเห็นเธอ “เธอกำลังบอกฉันว่าช่วงเวลาแห่งความสุขที่สัมผัสไม่ได้เหล่านั้นเป็นของจริง” เธออธิบาย
ปัจจุบัน Sagarika ทำงานอยู่ในสตูดิโอที่ Silver Arts Project บนชั้น 28 ของอาคาร Four World Trade Center หน้าต่างบานใหญ่เปิดให้เห็นวิวอนุสรณ์ 9/11 และแม่น้ำฮัดสัน ที่จุดนี้เป็นจุดต่างระหว่างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นกับธรรมชาติอย่างงดงาม บนที่สูงเหนือป่ากระจกและคอนกรีตแห่งโลว์เวอร์แมนฮัตตัน Sagarika สืบสานงานศิลป์โบราณ โดยการเปลี่ยนเส้นใยดิบที่ฟูนุ่มจำนวนมหาศาลให้เป็นผืนผ้า เธอกำลังอยู่ในช่วงเติบโตในงานศิลปะของเธอ ซึ่งสร้างความขัดแย้งอีกอย่างกับเมืองที่แออัดเบื้องล่างเธอ “นิวยอร์กเป็นเมืองที่ค่อนข้างตรงข้ามกับแนวคิดเรื่องพื้นที่” เธอกล่าว “แต่เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ฉันสนใจเช่นกัน ระหว่างนิวยอร์กกับอินเดีย ฉันมีสองชีวิตที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ มิตรภาพ และความสุข ชีวิตหนึ่งจะอยู่ไม่ได้หากขาดอีกชีวิตหนึ่ง นิวยอร์กอาจจะทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดคับแคบเกินไป ส่วนอินเดียเองก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ฉันรู้สึกดีใจมากที่ได้มีสองโลกที่เต็มไปด้วยการสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ” เธออธิบาย
เมื่อไม่นานมานี้ Sagarika ได้นำงานศิลปะของเธอออกไปสู่ภายนอก ทำการทดลองดูว่างานของเธอมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมที่ควบคุมน้อยอย่างไร เธอเริ่มสนใจด้านสถาปัตยกรรมมากขึ้น สร้างพื้นที่ซึ่งผู้ชมสามารถเดินผ่านและสัมผัสได้จริงทางกายภาพ เธอแสดงรูปถ่ายของผลงานที่มีชื่อว่า Passage Along the Edge of the Earth ให้ฉันดู ซึ่งเป็นโครงสร้างคล้ายเต็นท์ที่ทำจากผ้าชิ้นเดียวที่เธอใช้เทคนิค Felting โดยนำวูลจากหิมาลัยมาอัดรวมกันเป็นชั้น ๆ จนกลายเป็นพื้นผิวที่ดูหยาบกร้าน เธอเล่าว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถูปในพุทธศาสนา และอยากจะศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายมนุษย์กับโครงสร้างอาคารที่สร้างขึ้น ซึ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ “ฉันอยากเห็นว่าผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับงานของฉันอย่างไร และสร้างประตูไปสู่โลกที่แตกต่างกัน” เธอบอก
การนำธรรมชาติเข้ามาผสานรวมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี
ความสนใจของ Sagarika ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ โครงสร้าง และสิ่งแวดล้อม ชวนให้นึกถึงธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบ สถาปนิก Frank Lloyd Wright ได้รับแรงบันดาลใจอย่างลึกซึ้งจากรูปทรงและลวดลายที่เกิดขึ้นในภูมิทัศน์ แสง และน้ำ เขาต้องการให้บ้านและอาคารของเขาเป็นวิหารแห่งความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งดำรงอยู่ร่วมกับโลกรอบตัวอย่างสมบูรณ์แบบ เขาแนะนำให้นักเรียนของเขาให้ “ศึกษา รัก และใกล้ชิดกับธรรมชาติ” โดยยืนยันว่าธรรมชาติจะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง หนึ่งในอาคารที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือพิพิธภัณฑ์ Guggenheim ในนิวยอร์ก ซึ่งว่ากันว่าออกแบบมาให้คล้ายกับเปลือกหอยนอติลุส โดยที่ช่องสกายไลท์รูปโดมของอาคารทรงกลม ชวนให้นึกถึงความสมมาตรแบบรัศมีของใยแมงมุม
ปัจจุบัน สถาปัตยกรรมที่สร้างการเชื่อมโยงที่เป็นประโยชน์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติกำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง การออกแบบที่เชื่อมโยงธรรมชาติ (Biophilic design) ซึ่งเป็นแนวทางที่มองโลกธรรมชาติว่าเป็นแหล่งที่มาของความสงบ ความสามารถในการทำงาน และความเป็นอยู่ที่ดี ได้เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์พื้นที่และอาคารที่โดดเด่นหลายแห่ง ตั้งแต่ High Line ในนิวยอร์ก, Promenade Plantée ในปารีส, Apple Park ใน Silicon Valley ไปจนถึง Bosco Verticale ในมิลาน (ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้กว่า 20,000 ต้น) ทฤษฎีไบโอฟิลเลียตั้งสมมติฐานว่ามนุษย์จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเมื่อชีวิตของเราผสานรวมเข้ากับธรรมชาติ แรงบันดาลใจของแนวคิดนี้มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เนื่องจากมนุษยชาติวิวัฒนาการมาหลายพันปีเพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกธรรมชาติ ขณะที่การตอบสนองต่อสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ ในประวัติศาสตร์ของเรา แนวคิดนี้ได้อธิบายว่าเราจะรู้สึกสงบและเป็นส่วนหนึ่งกับสภาพแวดล้อมได้มากที่สุด เมื่อพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่นั้นได้รับการออกแบบให้เลียนแบบความสัมพันธ์ที่ราบรื่น มีชีวิตชีวา และพึ่งพาอาศัยกันกับธรรมชาติ
หลังจากสนทนากับ Sagarika เพียงไม่กี่วัน ฉันก็พบตั๋วรถไฟใต้ดินปารีสที่ใส่ไว้ในสมุดบันทึก มันเป็นเพียงกระดาษแข็งบาง ๆ แต่ดันกลับมีแรงดึงดูดต่อความทรงจำของฉัน ก่อให้เกิดภาพและความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา เมื่อฉันลากนิ้วไปตามแถบแม่เหล็กบนบัตร มันก็พาฉันย้อนกลับไปอยู่ที่ระเบียงห้องของตัวเองในเขตที่ 18 กำลังมองออกไปยังลานบ้าน พื้นหิน และต้นแบล็กโลคัส ความรู้สึกที่อยู่กึ่งกลางระหว่างในห้องและนอกห้อง ทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างน่าอัศจรรย์อีกครั้ง ฉันรู้สึกสงบ เกิดแรงบันดาลใจ และรู้สึกอยากที่จะเขียนในทันที
ช่วงนี้ ฉันพยายามหาวิธีจะความรู้สึกแบบนี้เข้ามาในชีวิตประจำวันของฉันอยู่เสมอ ตอนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในโทรอนโต ฉันพยายามมองสิ่งรอบตัวในมุมที่ต่างไป โดยนึกถึงความสนใจของ Sagarika ต่อความลึกลับของ “สิ่งที่อยู่ภายใน” ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างและจินตนาการว่ากำลังผ่าสิ่งต่าง ๆ ออกเผื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน อาทิ ต้นเจอเรเนียมที่กำลังเหี่ยวเฉาในสวนที่ฉันปลูกเองเล่น ๆ ลำต้นของต้นแอปเปิ้ล ดินที่ปกคลุมด้วยใบไม้ซึ่งจะแข็งตัวเมื่อเจอความหนาวแรก เพื่อเข้าถึงสัจธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับธรรมชาติ ฉันคิดว่าฉันกำลังพยายามค้นหา “บทกวีแห่งสถานที่” ในงานและกิจวัตรประจำวันทั่วไปของฉัน ด้วยการมองโลกอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น และดูว่าพลังแห่งความใส่ใจของฉันจะสามารถเปลี่ยนสิ่งธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้หรือไม่ ฉันได้พบเทคนิคและตัวกระตุ้นบางอย่างที่ช่วยให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้ และฉันเชื่อว่ามันจะสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้เช่นกัน
เกี่ยวกับผู้เขียน
Sagarika Sundaram เป็นประติมากรและศิลปินที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก สร้างสรรค์งานศิลปะแบบจัดวางโดยใช้วัสดุจากเส้นใยธรรมชาติดิบและสีย้อม ผลงานของเธอเคยถูกนำไปจัดแสดงที่ Bronx Museum of the Art, NY; Al Held Foundation with River Valley Arts Collective, Boiceville NY; Moody Center for the Arts ที่ Rice University, Houston, TX; British Textile Biennial, Liverpool, UK; Chicago Architecture Biennial; Nature Morte gallery, New Delhi, India และ Palo Gallery, NYC ผลงานของเธอได้รับการรีวิวใน The New York Times และ ARTnews Sundaram จบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาสิ่งทอจาก Parsons / The New School, NY เธอเคยศึกษาที่ NID ในอะห์มดาบาด และที่ MICA ในบัลติมอร์ เธอเป็นศิลปินที่เข้าร่วมโครงการ Sharpe Walentas Studio Program ใน NYC Sundaram เป็นศิลปินในสังกัดของแกลเลอรี่ของ Nature Morte (อินเดีย) และ Alison Jacques (สหราชอาณาจักร)
Martha Schabas เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบรรณาธิการของ House of Beautiful Business เธอเป็นนักเขียนนวนิยายสองเล่ม คือ My Face in the Light (ปี 2022) และ Various Positions (ปี 2011) ก่อนหน้านี้เธอเป็นนักวิจารณ์การเต้นรำให้กับ The Globe and Mail ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ระดับชาติที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา โดยเธอได้เขียนเกี่ยวกับละครเวทีและหนังสือด้วย เรียงความ งานวิจารณ์ศิลปะ และเรื่องสั้นของเธอเคยถูกตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์มากมาย