โรงแรมในเครือ Pullman ในดูไบ

ด้วยพลังอันมีชีวิตชีวา แหล่งชอปปิ้งไฮเอ็นด์ และชีวิตยามค่ำคืนอันคึกคัก ดูไบจึงเปรียบเสมือนหัวใจที่สูบฉีดความกระชุ่มกระชวยให้กับตะวันออกกลาง ไม่ว่าคุณจะเดินทางมาเพื่อธุรกิจหรือพักผ่อนหย่อนใจก็ตาม มหานครแห่งนี้จะเป็นประตูสู่การผจญภัยอันไร้ขีดจำกัดของคุณได้เสมอ

เมื่อไม่กี่ทศวรรษก่อนหน้านี้ ดูไบเป็นแค่ชุมชนชาวประมงขนาดเล็กที่รายล้อมไปด้วยทะเลทรายอันแห้งแล้งที่มีชาวเบดูอินอาศัยอยู่ การค้นพบน้ำมันอันมหาศาลในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ได้ก่อให้เกิดเป็นมหานครดูไบอย่างที่เรารู้จักกันดีในทุกวันนี้ขึ้นมา ในช่วง 20 ปี ดูไบได้กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้ยังมีสถาปัตยกรรมอันงดงามอย่างที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนผุดขึ้นมามากมาย ที่เกิดขึ้นได้จากฝีมือของเหล่าสถาปนิกระดับสากลชื่อดังรายต่าง ๆ

นักท่องเที่ยวในดูไบห้ามพลาดการขึ้นไปสู่ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก Burj Khalifa ที่มีความสูงกว่า 828 เมตร ได้รับการออกแบบโดยสถาปิกนามว่า Adam Smith จาก Skidmore, Owings & Merrill จุดชมวิวบนชั้นที่ 124 ของตึกระฟ้าแห่งนี้มองเห็นเห็นวิวมุมสูงอันน่าทึ่งของเมืองดูไบด้านล่าง ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยคุณจะได้เห็นตึกระฟ้าทรงโมเดิร์นและโครงการอันทะเยอทะยานต่าง ๆ กระจายตัวอยู่ตามแนวชายฝั่ง อาทิ The World ซึ่งเป็นหมู่เกาะโดยฝีมือมนุษย์ที่สื่อให้เห็นถึงทวีปต่าง ๆ ของโลก หรือ The Palm ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีรูปทรงเป็นต้นปาล์ม สัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกอีกหนึ่งอย่างของดูไบก็คือ Burj Al Arab ที่มีความสูงถึง 321 เมตร โดยตัวอาคารมีรูปทรงเป็นใบเรือขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนืออ่าวเปอร์เซีย

ดูไบที่เป็นสวรรค์แห่งการชอปปิ้งในระดับสากลนั้นเป็นที่ตั้งของศูนย์การชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ชื่อว่า Dubai Mall พื้นที่แห่งนี้ที่ตั้งอยู่ใน Burj Khalifa ประกอบไปด้วยร้านค้า 1,200 แห่ง, ลานสเกต และตู้ปลาขนาดมหึมา นอกจากนี้ คุณยังจะได้พบเห็นวัฒนธรรมการชอปปิ้งตามตลาดซุกท้องถิ่นและตลาดแบบดั้งเดิมเช่นกัน ที่ซึ่งคุณสามารถต่อรองราคาทองและงานฝีมือต่าง ๆ กับพ่อค้าแม่ค้าได้ โดยแขกผู้เข้าพักที่โรงแรมในเครือ Pullman ที่มีทำเลอันลงตัวนั้นจะได้ออกสำรวจทั้งห้างสรรพสินค้าอันทันสมัยและตลาดเก่าแก่ในดูไบ

ย่านศิลปะอันล้ำสมัยอย่าง Alserkal Avenue ในย่าน Al Quoz นั้นมีให้เห็นอยู่ทั่วเมือง ส่วนหอศิลป์อย่าง The Third Line และ Green Art Gallery ก็คือสถานที่ที่ช่วยนำผลงานของศิลปินท้องถิ่นออกสู่สายตาชาวโลก

สำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัยแล้ว การนั่งเครื่องบินน้ำ เฮลิคอปเตอร์ หรือบอลลูนลมร้อนนั้นจะทำให้เห็นวิวมุมกว้างอันน่าตื่นตาตื่นใจของดูไบและทะเลทรายที่รายล้อมอยู่ ส่วนผู้ชื่นชอบความตื่นเต้นก็สามารถลองโดดร่มหรือสัมผัสกับประสบการณ์แข่งรถได้ด้วยการขับรถ F1 ไปรอบ ๆ สนามแข่งระดับมืออาชีพของดูไบ นักเล่นกอล์ฟจะได้สัมผัสกับสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งรวมไปถึง Jumeirah Golf Estates ที่ออกแบบโดย Greg Norman หากต้องการผ่อนคลายกายกับใจแล้ว หาดทรายสีทองอร่ามของดูไบคือสถานที่อันลงตัวในการพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับสภาพอากาศที่มีแสงแดดอุ่น ๆ ให้ตลอดทั้งปี ทั้งนี้ โปรดทราบว่าอุณหภูมิอาจสูงได้เกินกว่า 45 องศาในช่วงหน้าร้อน ดูไบแห่งนี้และร้านอาหารนานาชาติอันโด่งดังนำเสนอประสบการณ์อาหารมากมายหลายแบบให้ได้ลิ้มลอง ตั้งแต่ศิลปะแห่งการรับประทานอาหารสไตล์โมเดิร์นไปจนถึงแผงขายอาหารท้องถิ่นอันเย้ายวนใจ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถพบเห็นชีวิตยามค่ำคืนสุดอินเทรนด์ที่สูสีพอ ๆ กันกับของเมืองตะวันตกอย่างในนิวยอร์กและลอนดอนได้ด้วย

ดูไบเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาได้ด้วยความแตกต่างและพลังอันไร้ขีดจำกัด ณ ใจกลางของเมืองแห่งนี้ คือที่ตั้งของโรงแรมในเครือ Pullman ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับมุมมองใหม่ ๆ การแลกเปลี่ยนทางความคิดที่มีความหมาย และประสบการณ์อันยากจะลืมเลือน