Skip to main content
Tim Leberecht

เมื่อหัวใจเราเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

Pullman Draft คือไอเดียที่ก่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ เป็นการจุดประกายในบทสนทนา และคำเชิญให้มองโลกในมุมใหม่ ยินดีต้อนรับสู่ Pullman Drafts ซีรีส์บทสะท้อนส่วนตัวร่วมกับ House of Beautiful Business ที่นำเสนอข้อมูลดีๆ จากวงการธุรกิจ วัฒนธรรม สื่อ และเทคโนโลยี

เมื่อสองปีก่อนที่ผมกำลังเดินเล่นกับเพื่อนชื่อ Bruno อยู่บนเนินเขาทางตอนใต้ของโปรตุเกส ในตอนนั้น เทศกาลไอเดียประจำปีของบริษัทเราใกล้เข้ามาแล้วในอีกไม่กี่วัน และเรากำลังหารือกันว่าการซ้อมเป็นไปอย่างไรบ้างแล้ว Bruno ก็ยังคงเต็มไปด้วยไอเดียตามสไตล์ของเขา เขาอยากให้ผู้บรรยายสองคนสลับลำดับกันเพื่อสร้างจังหวะการเล่าเรื่องที่มีพลังมากขึ้น โดยแนะให้วิทยากรอีกคนหาวิธีที่น่าสนใจในการนำเสนอสารของเขา และยังแนะนำให้ผู้บรรยายอีกสองคนฝึกการหายใจขั้นพื้นฐาน เช้าวันถัดมา ผมพบเขาอยู่บนเวที กำลังเทรนให้วิทยากรแต่ละคนแบบตัวต่อตัว เขารู้ดีว่าควรเข้าหาแต่ละคนอย่างไร ให้คำแนะนำแบบตรงไปตรงมาที่เข้มงวดจริงจังให้กับวิทยากรผู้มีประสบการณ์ และส่งกำลังใจอย่างอ่อนโยนให้กับผู้พูดหน้าใหม่ที่กำลังตื่นเวที การได้เห็น Bruno ทำงานก็เหมือนได้เห็นการดูผู้เชี่ยวชาญในการฝึกม้ากำลังร่ายมนตร์ใส่พวกม้าตัวใหม่ ๆ

จริง ๆ แล้ว คุณอาจเรียก Bruno Giussani ว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านงานอีเวนต์” ระดับโลกก็ได้ ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เขาคือบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังงานประชุม TED และการบรรยายออนไลน์ยอดนิยมอย่าง TED Talks ในฐานะผู้บริหารจัดการระดับโลกของ TED และผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารจัดการของ Countdown, โครงการด้านสภาพภูมิอากาศของ TED เขาได้จัดงานที่มีบุคคลชั้นนำระดับโลกมาร่วม ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เจ้าชายวิลเลียม ไปจนถึง Chimamanda Ngozi Adichie และ Jennifer Doudna ในยุคที่ทุกสิ่งเกิดขึ้นในโลกเสมือนจริงบนหน้าจอมากขึ้นเรื่อย ๆ Bruno กลับเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของการจัดงานแบบพบปะกันต่อหน้า “ผู้คนจะแตกต่างออกไปเมื่อได้มาอยู่ในห้องเดียวกัน เราจะเปิดใจและเข้าถึงกันได้มากขึ้น" เขาบอกกับผม “เมื่อมีความพยายามมาเกี่ยวข้อง หรือเราได้ยอมสละกิจวัตรประจำวันเพื่อมารวมตัวกันยังสถานที่แห่งหนึ่ง เราจะอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป”

 

 

 

ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเขาพูดแบบนั้น ผมไม่เคยบอกเขาเลยว่ามิตรภาพของเราทั้งหมดเกิดขึ้นได้ก็เพราะการยอมสละกิจวัตรแบบที่เขากำลังพูดถึง

การมีตัวตนอยู่เป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพ

ในปี 2008 ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดที่บริษัทที่ปรึกษาด้านนวัตกรรม Frog Design ในซานฟรานซิสโก และมีคนรู้จักร่วมกันคนหนึ่งช่วยแนะนำให้ผมได้รู้จักกับ Bruno แน่นอนว่าผมเคยได้ยินชื่อ TED มาก่อนและรู้สึกสนใจในทันที หลังจากส่งอีเมลหากันไม่กี่ฉบับ Bruno ก็ถามว่าผมมีแผนจะไปลอนดอนในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ และเชิญให้ผมแวะมาที่งานเลี้ยงรับรองที่พิพิธภัณฑ์ Tate Modern หากวันเวลาตรงกัน ในตอนนั้นผมไม่มีแผนที่จะไปลอนดอนในเวลาอันใกล้เลย แต่เย็นวันนั้นผมก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมทันที ในค่ำคืนของงานเลี้ยง ผมก้าวเข้าไปใน Turbine Hall ของแกลเลอรี่อย่างสง่างามราวกับว่าผมแค่สวมเสื้อคลุมแล้วเดินเล่นอยู่แถวบ้าน

 

ผมดีใจมากที่ทำตามความรู้สึกตัวเองและใส่ความพยายามเพิ่มเข้าไปอีกนิด ไม่เพียงแต่ได้สนุกกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยคนดัง แต่ Bruno กับผมยังสร้างความสัมพันธ์กันในแบบที่การคุยผ่าน Zoom ทำไม่ได้ เมื่อเจอด้วยตัวเอง เขาเป็นบุคคลที่ดูโดดเด่นมาก ตัวสูง ไหล่กว้าง และดูภูมิฐาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอ่อนโยนและขี้เล่นที่ต้องพบเจอกันใกล้ชิดจึงจะเข้าใจ การได้พบเขาในคืนนั้นและได้รู้สึกถึงความผูกพันกันทางปัญญาอย่างทันที ทำให้ผมตระหนักถึงสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่า: การมีตัวตนอยู่เป็นปรากฏการณ์ทางกายภาพ เพื่อที่จะเปิดใจและตื่นตัวอย่างแท้จริงได้นั้น จิตใจและร่างกายของคุณจะต้องอยู่ในที่เดียวกัน การที่จิตใจและร่างกายอยู่ด้วยกัน ณ ขณะนี้และที่นี้ ก็คือ "ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน" ตามสำนวนที่ว่าไว้ คุณจะไม่สามารถจดจ่ออย่างเต็มที่กับงานบรรยายสดผ่านสตรีมได้ เมื่อในขณะนั้นคุณอยู่หน้าจอแล็ปท็อปในห้องครัว ซึ่งคุณกำลังทำอาหารเย็นและพยายามจัดการเรื่องลูก ๆ ไปพร้อมกัน (หรือกำลังอ่านอีเมลในหน้าจออีกหน้าต่างหนึ่ง) 

 

“ความสะดวกสบายคือปัญหา” Bruno กล่าวถึงงานอีเวนต์เสมือนจริง “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้มาจากความสะดวกง่ายดาย แต่มันมาจากความขัดแย้งหรือความท้าทาย งานอีเวนต์แบบพบปะกันต่อหน้า จำเป็นต้องให้คุณเดินทางไปยังสถานที่นั้น ซึ่งสำหรับบางคนหมายถึงการเดินทางในระยะทางที่ไกล และอาจต้องเก็บเงินเพื่อจ่ายค่าเดินทาง นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจจากการนั่งอยู่ในห้องกับคนแปลกหน้า หรืออาจเป็นสถานที่ที่คุณไม่คุ้น และในที่ที่คุณพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณเปิดใจและพร้อมยอมรับสิ่งต่าง ๆ ได้

 

นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “การมีตัวอยู่แบบหลอก ๆ” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้ชมอยู่ในห้องนั้นจริง ๆ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมหรือสนใจจริง ๆ หลักจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมา คือเมื่อเราต้องเจอกับรูปแบบที่ซ้ำซากจำเจหรือขาดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งไม่สามารถดึงดูดเราทางอารมณ์หรือเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมมากนัก เรามักมีแนวโน้มที่จะตอบสนองกลับไปเพียงเล็กน้อย ถ้างานอีเวนต์นั้นธรรมดาเกินไป หรือเนื้อหาไม่สดใหม่และไม่ดึงดูด ผู้เข้าร่วมมักจะไม่ให้ความสนใจ ดังนั้น เพื่อที่จะให้เกิดการมีตัวตนอยู่อย่างแท้จริง สิ่งที่สำคัญคือต้องเข้าใจและเข้าถึงผู้ฟังอย่างแท้จริง ด้วยการหากิจกรรมที่น่าดึงดูดใจจนทำให้พวกเขา รวมถึงการมีส่วนร่วมของพวกเขา กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของประสบการณ์นั้น ๆ สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นก็คือการทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินหรือไม่สำคัญ

 

และจากนั้น การมีส่วนตัวตนอยู่เปิดโอกาสให้เกิดสิ่งอื่น ๆ ด้วย นั่นคือ โอกาสที่จะพบเรื่องดี ๆ โดยบังเอิญ เมื่อได้พบปะกันต่อหน้า คุณจะมีโอกาสได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด “คุณอาจจะบังเอิญเจอใครซักคนตรงทางเดินระหว่างช่วงพัก แล้วได้นั่งจิบกาแฟด้วยกัน แล้วอีกสามชั่วโมงต่อมาคุณก็ยังคุยกันไม่หยุด” Bruno กล่าว “หรือคุณอาจรู้สึกมีพลังจากจากการบรรยาย แล้วต้องการเข้าไปคุยกับวิทยากรหลังจบงานเพื่อถามคำถามที่อยากรู้ ซึ่งเรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้จากการคุยผ่าน Zoom “ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาเฉพาะหน้าในลานกว้างที่แสงแดดสาดส่อง หรือการร่วมมือกันที่ไม่คาดคิดในพื้นที่สร้างสรรค์แบบเปิด โอกาสที่จะพบเรื่องดี ๆ โดยบังเอิญเหล่านี้ได้ถูก “ออกแบบมา” ให้เกิดขึ้นได้ในบรรยากาศแบบเจอหน้ากันจริง ๆ งานอีเวนต์ต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของการแสดงและการบรรยายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการค้นพบร่วมกันและสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นร่วมกันในห้วงเวลาสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงการแสดงและเบื้องหลังเวทีอีกด้วย “และเราจะเผยตัวตนที่แท้จริงได้มากกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากัน เมื่อเรามาเข้าร่วมและมีส่วนร่วมโดยที่ไม่มีหน้าจอขวางกั้น” Bruno กล่าวเสริม “ข้อสรุปที่ได้นั้นทรงพลังยิ่งกว่า โดยผมหมายถึงทั้งในแง่ของสายสัมพันธ์ที่คุณสร้างขึ้น ความรู้ที่คุณได้รับ ประสบการณ์ที่คุณได้พบ และพลังงานที่คุณสัมผัสได้” เขาบอกไว้ 

การเดินทางที่คาดเดาไม่ได้กับคนแปลกหน้า

ผมไม่ได้ไปร่วมเทศกาลดนตรี Glastonbury อันเป็นไอคอนิกเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่พอได้อ่านสิ่งที่เกิดขึ้นในงาน ผมกับ Bruno ก็อดรู้สึกเสียดายสุด ๆ ไม่ได้ Marina Abramović ศิลปินชาวเซอร์เบีย ได้ขึ้นเวทีหลักและขอให้ผู้ชมหลายพันคนเงียบเป็นเวลาเจ็ดนาที พวกเขาก็ทำตาม เป็นเวลาถึงเจ็ดนาที “ลองจินตนาการดูสิว่าคุณทำมันให้เกิดขึ้นได้” Bruno กล่าวพลางส่ายหัวด้วยความไม่เชื่อ หากคุณดูภาพถ่ายจากสิ่งที่ Abramović เรียกว่า “การแทรกแซงสาธารณะ” เพื่อสะท้อนถึงความขัดแย้งและสันติภาพ คุณจะเห็นภาพอันน่าทึ่งมากที่ผู้คนยืนอยู่เคียงข้างกันเป็นกลุ่ม ๆ กัน โดยบางคนยืน บางคนนั่ง และพวกเขาหลับตาอยู่ พวกเขามีอายุ เชื้อชาติ และเพศที่แตกต่างกันหลากหลาย บางคนสวมใส่เสื้อผ้าชุดแคมปิ้งที่เปรอะเปื้อน ขณะที่บางคนสวมแฟชั่นไฮสตรีทล่าสุด แต่ละคนมีเอกลักษณ์ชัดเจน ในขณะเดียวกันก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ที่มีพลังและมีชีวิตชีวา พร้อมกันนั้นก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์อันทรงพลังจนเกือบลึกลับ

 

 

 

ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ร่วมที่ลึกซึ้งจากการดูละครบรอดเวย์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นการชมละครเรื่อง Long Day’s Journey into Night เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกดราม่าเข้มข้นของ Eugene O’Neill ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวที่กำลังประสบวิกฤต บอกได้เลยว่าผมไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยว่าจะต้องเจอกับความเข้มข้นทางอารมณ์ที่กระตุ้นความรู้สึกถึงขนาดนี้ ผมนั่งลุ้นอยู่ขอบเก้าอี้ ถูกพาเข้าไปในโลกของตัวละคร รวมถึงความทุกข์ที่ลึกซึ้งและเจ็บปวดอย่างหนักหน่วงของพวกเขา แต่ภายใต้กระแสของความเห็นอกเห็นใจนั้น ผมกลับสัมผัสได้ถึงอีกสิ่งหนึ่ง นั่นคือความรู้สึกทรงพลังของการมีชีวิตและการรับรู้ร่วมกับผู้คนอื่น ๆ เป็นความตระหนักรู้อันทรงพลังถึงการมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตใด ๆ และเป็นความบังเอิญอันน่าทึ่งที่ผมได้อยู่ร่วมอยู่กับผู้คนรอบข้าง ที่เลือกมาอยู่ร่วมกับผมในค่ำคืนวันนั้นบนการเดินทางทางอารมณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อไฟเปิดขึ้นในช่วงพักการแสดง ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมหันมาหา และร้อง “ว้าว” ออกมา ผมก็พยักหน้า ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก 

 

 

 

มีหลักฐานชัดเจนรองรับสิ่งที่ผมได้สัมผัสในโรงละครนั้น งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการแสดงสดสามารถทำให้ชีพจรของผู้ชมหลายร้อยคนเต้นพร้อมกันได้จริง ๆ งานวิจัยอื่น ๆ ชี้ว่าผู้ชมมักหายใจพร้อมกันเมื่อได้สัมผัสความสะเทือนใจจากสิ่งที่กำลังรับชมหรือฟัง และพวกเขายังอาจรู้สึกขนลุกและตัวสั่นสะท้านไปพร้อมกันอีกด้วย เราทุกคนคงเคยสัมผัสความรู้สึกของทั้งห้องที่หยุดหายใจพร้อมกันในช่วงเวลาสำคัญ และความตื่นเต้นเมื่อหายใจออกพร้อมกันอย่างโล่งอกนั้นเป็นอย่างไร ในเหตุการณ์เหล่านี้มีความรู้สึกที่เหนือธรรมชาติบางอย่าง ราวกับว่าแต่ละชีวิตได้รับการสัมผัสที่แตกต่างกันโดยมืออันทรงพลังเดียวกัน

สัมผัสโลกแห่งธรรมชาติร่วมกัน

ไม่กี่สัปดาห์หลังจากเทศกาลในโปรตุเกส Bruno และผมก็ได้มีโอกาสมาสรุปและทบทวนกันว่างานเป็นอย่างไรบ้าง เขาแสดงความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งและใจกว้าง โดยทั้งชื่นชมและให้คำวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์ แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดคือข้อคิดของเขาเกี่ยวกับความใกล้ชิดของเรากับธรรมชาติ เพราะงานเทศกาลจัดขึ้นทั้งหมดกลางแจ้ง ทั้งในป่า สวนสาธารณะ สวนผลไม้ และรอบสระ รวมถึงผลกระทบที่เขาเชื่อว่ามันช่วยให้เรารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นหนึ่งเดียว “ผมคิดว่าการได้อยู่ในธรรมชาติ เดินจากการฟังบรรยายไปสู่การสนทนาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ พร้อมเสียงคลื่นจากมหาสมุทรอยู่ไกลออกไป แสงแดด และเสียงนกร้อง ผมคิดว่านี่แหละที่ทำให้เรากลายเป็นชุมชนได้มากกว่าสิ่งอื่นใด” เขากล่าว “การกลับมาค้นพบโลกธรรมชาติและได้เชื่อมโยงกับมันอีกครั้งกำลังมีความสำคัญขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคดิจิทัลนี้”

 

 

 

ข้อคิดของ Bruno ในเรื่องความพยายามและเวลาทั้งหมด ทำให้ผมมีอะไรให้ครุ่นคิดต่อ ผมมักเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ ทั้งในการงานและชีวิตประจำวันอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความแทนการโทรศัพท์ ส่งอีเมลแทนการนัดเพื่อนไปดื่มกาแฟ หรือไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน แทนการหาเวลาไปตลาดนัดเกษตรกรที่น่าสนใจซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงตึก กลยุทธ์ประหยัดเวลาของผมก็มักดูเหมือนเป็นวิธีที่มีเหตุผลและใช้ได้จริงเสมอ แต่บ่อยครั้งแค่ไหนที่ผมหยุดคิดและถามตัวเองว่า ผมจะประหยัดเวลาไปเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อการได้พูดคุยกับเพื่อนอย่างมีความสุข หรือการเดินเล่นสบาย ๆ ในวันดี ๆ ทำไมเราต้องประหยัดเวลา ถ้าไม่ใช่เพื่อกิจกรรมที่สร้างคุณค่าให้กับชีวิตของเรา

 

 

 

บางครั้งผมก็รู้สึกกังวลว่าความสะดวกสบายและประสิทธิภาพกลายเป็นมาตรฐานของเรามากเกินไปในชีวิตดิจิทัล จนเราคิดไปโดยอัตโนมัติไปแล้วที่จะคิดว่าเราสามารถ “ใช้ชีวิต” บางส่วนได้จากระยะไกล แต่ก็มีมุมมองอีกด้านหนึ่งของเรื่องนี้ บางทีการมีอยู่ของหน้าจอ การสนทนาผ่านข้อความ และการประชุม Zoom ที่แพร่หลาย อาจกำลังทำให้งานอีเวนต์แบบพบปะกันต่อหน้าเป็นเรื่องที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น เมื่อผู้คนนับร้อยมารวมตัวกันในห้องเดียว วางความคิดฟุ้งซ่านของแต่ละคนเอาไว้ชั่วคราว และมุ่งความสนใจไปยังสิ่งเดียวกันในช่วงเวลาสั้น ๆ จากนั้นสิ่งที่พิเศษบางอย่างก็จะเกิดขึ้น เราได้ใช้เวลาและพื้นที่ร่วมกัน เราได้สัมผัสประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ไม่อาจย้อนกลับ และเลียนแบบไม่ได้ เมื่อเราร่วมกัน เราจะสร้างบางสิ่งที่พิเศษร่วมกัน ซึ่งไม่มีวันจะเกิดขึ้นซ้ำแบบเดิมอีก

 

 

 

ช่วงนี้ผมพยายามใส่ใจกับจิตวิญญาณของการมีตัวตนอยู่ ความเป็นหนึ่งเดียว และความไม่อาจทำซ้ำได้ในหลาย ๆ แง่มุมของชีวิต คำพูดหนึ่งของ Peter Brook ผู้กำกับละครเวทีชาวอังกฤษผู้ล่วงลับ ซึ่งอุทิศชีวิตให้กับพลังของประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ได้เป็นแนวทางให้กับผม นั่นคือ “อย่ามองข้ามสิ่งใดไป จงไปเห็นด้วยตาตัวเอง” ในฐานะผู้นำทางธุรกิจ ผมไม่ควรมองข้ามสิ่งใด ๆ ไปเลย เพราะนั่นจะเป็นหนทางสู่ความโดดเดี่ยวและไร้ความสำคัญอย่างแน่นอน ผมต้องมีความสัมพันธ์ที่แท้จริงและจริงจังกับผู้คนที่ร่วมงานด้วย ชุมชนที่สนับสนุนงานนั้น และกระแสสังคมและวัฒนธรรมที่ใหญ่กว่าซึ่งหล่อหลอมสิ่งเหล่านี้ นี่คือบางตัวอย่างที่ผมได้ "ไปเห็นด้วยตาตัวเอง" มาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งอาจสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้เช่นกัน

เกี่ยวกับผู้เขียน

Bruno Giussani ทำงานเป็นผู้ดูแลจัดการ นักเขียน และนักวิจารณ์ทางวัฒนธรรม เขาใช้เวลา 20 ปีในตำแหน่งผู้บริหารจัดการระดับโลกและผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปของ TED ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่เบื้องหลังการบรรยายออนไลน์ยอดนิยมอย่าง TED Talks และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารจัดการของโครงการด้านสภาพภูมิอากาศที่มีชื่อว่า Countdown ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง Bruno ได้ดูและจัดการ TED Talks มามากกว่าหนึ่งพันตอน สัมภาษณ์ผู้นำความคิดระดับโลกในประเด็นเร่งด่วนของยุคสมัย และเป็นเจ้าภาพจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ทั่วโลกมากมาย ก่อนจะทำงานที่ TED Bruno เคยเป็นคอลัมนิสต์ในโลกอินเทอร์เน็ตให้กับ The New York Times และเป็นหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ออนไลน์ที่ World Economic Forum

 

Tim Leberecht เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ร่วมของ House of Beautiful Business เครือข่ายเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นชีวิตเป็นศูนย์กลาง เขาเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ The Business Romantic (2015), The End of Winning (2020) และเล่มที่กำลังจะวางแผง Picky: How the Superpower of Curation Can Save the World (2026) TED Talks สองครั้งของเขามียอดเข้าชมหลายล้านครั้ง

ค้นหา Pullman Drafts ก่อนหน้านี้ของเรา