Skip to main content
Till Grusche and Anna Tréa

ลมหายใจระหว่างตัวโน้ต

Pullman Draft คือไอเดียที่ก่อให้เกิดความคิดใหม่ๆ เป็นการจุดประกายในบทสนทนา และคำเชิญให้มองโลกในมุมใหม่ ยินดีต้อนรับสู่ Pullman Drafts ซีรีส์บทสะท้อนส่วนตัวร่วมกับ House of Beautiful Business ที่นำเสนอข้อมูลดีๆ จากวงการธุรกิจ วัฒนธรรม สื่อ และเทคโนโลยี

สำรวจว่าการอิมโพรไวส์ทางดนตรีสามารถสอนอะไรเราในเรื่องของการทำงานร่วมกันในโลกธุรกิจได้บ้าง พร้อมมุมมองจาก Anna Tréa นักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด

 

ผู้คนมักจะทึ่งกับวิธีที่นักดนตรีแจ๊สอิมโพรไวส์ในการแสดง โดยการเล่นทำนองอันน่าทึ่งได้โดยไม่เคยซ้อมมาก่อน พรสวรรค์เป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวเท่านั้น การอิมโพรไวส์หรือการด้นสดที่ยอดเยี่ยมต้องอาศัยชุดทักษะที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ และสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างความก้าวหน้าในชีวิตการทำงาน

ผมได้ยินเพลงของ Anna Tréa ครั้งแรกในบาร์ที่มีควันคละคลุ้งในบาร์เซโลนา ขณะที่เดินฝ่าฝูงชน ผมก็รู้สึกสะดุดหูกับจังหวะดนตรีที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งฟังแล้วรู้สึกเข้าถึงจิตวิญญาณและมีความเป็นแจ๊ส จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องอัลโตที่ดังกังวาน ผมเดินตามท่วงทำนองไปยัง Anna ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สตูลในมุมที่มีแสงไฟส่อง เธอกำลังเล่นกีตาร์อยู่ โดยมีผู้ชายอีกคนเล่นคีย์บอร์ดอยู่ข้าง ๆ ระหว่างเพลง ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างดูเป็นธรรมชาติ และบอกให้ผู้ชมฟังว่าพวกเขาเพิ่งเคยเจอกันหนแรก ไม่มีการพูดคุยกันเลยว่าจะเล่นเพลงอะไรต่อ คนหนึ่งจะเริ่มดีดทำนองขึ้นมาเฉย ๆ และอีกคนก็จะร่วมบรรเลงทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย โดยการเพิ่มเสียงประสานหรือเพียงแค่เล่นคลอตาม เคมีของพวกเขาเข้ากันได้ดีมาก ๆ ผมรู้สึกเหมือนกำลังแอบฟังบทสนทนาส่วนตัวของพวกเขาอยู่

 

 

 

ซึ่งเป็นการร่วมงานกันที่เข้มข้นจริงจังแต่เป็นธรรมชาติ แบบเดียวกับประสบการณ์ที่ผมเคยมีเวลาร่วมเล่นดนตรี ก่อนที่ผมจะมาเป็นผู้นำทางธุรกิจ ผมเคยเป็นนักร้องนำของวงพังก์ที่เมือง Konstanz ในเยอรมนี ใกล้กับชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากทะเลสาบ Lake Constance ในชื่อเดียวกัน Konstanz เป็นเมืองที่สวยงามราวกับภาพวาด บางส่วนที่ยังคงสภาพยุคกลางไว้ แม้จะดูสวยแต่ก็เป็นมีความอนุรักษ์นิยมอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่แปลกสำหรับการเล่นดนตรีพังก์ และด้วยสถานที่ฮิป ๆ ที่มีให้เลือกน้อยนิด อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของผมจึงกลายเป็นจุดนัดพบของเหล่านักดนตรีไฟแรงในเมือง พวกเรามักจะอยู่กันถึงเช้าตรู่เพื่อแต่งเพลง ทำการทดลองเทคนิคใหม่ ๆ และต่อยอดไอเดียของกันและกัน ผมจำได้เมื่อตอนกำลังจะขึ้นเตียงนอนตอนพระอาทิตย์ขึ้น ยังคงรู้สึกเต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์อยู่เลย

 

 

 

และแล้วชีวิตก็ถึงจุดเปลี่ยน ผมต้องจากเยอรมนีไปยัง Silicon Valley และมือกีตาร์กับมือกลองที่ผมเคยใช้เวลายามเย็นด้วยก็ถูกแทนที่ด้วยพวกเด็กเนิร์ดด้านเทคโนโลยีและผู้ที่ใฝ่ฝันจะเป็น CEO อย่างที่พวกเขาว่ากันไว้ ศิลปินไม่สามารถเติบโตได้หากต้องอยู่โดดเดี่ยว และภายในไม่กี่เดือน บทบาทการเป็นนักดนตรีพังก์ของผมก็สิ้นสุดลง แต่ผมไม่เคยหยุดรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักดนตรี ระหว่างประชุม ผมพบว่าตัวเองกำลังฟังเพื่อนร่วมงานด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความละเอียดอ่อนแบบเดียวกันกับที่ผมเคยมีในการเล่นดนตรีตอนกลางคืนในวัยรุ่น ตลกดีที่แม้แต่ท่าทางของผมก็ยังคงเหมือนตอนที่ฟังเพื่อน ๆ เล่นกีตาร์ โดยผมจะเอนตัวไปทางผู้พูดพร้อมกับหงายฝ่ามือขึ้น ซึ่งเป็นท่าทางที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกลมกลืนไปกับสถานการณ์ ตื่นตัว และพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งต่าง ๆ ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับนิสัยเหล่านี้มากนัก โดยมองว่ามันเป็นแค่ความแปลกส่วนตัว จนกระทั่ง Anna เล่าเรื่องราวการเป็นนักดนตรีของเธอ และวิธีที่เธอค้นพบตัวตนในฐานะศิลปิน

ดนตรีคือภาษาของการรับฟัง

Anna เติบโตในเซาเปาลู ประเทศบราซิล โดยการศึกษาด้านวัฒนธรรมของเธอเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก ในวัยเด็ก เธอมีโอกาสเข้าเรียนฟรีในคลาสต่าง ๆ ที่ศูนย์ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้เธอได้ทดลองเรียนในสื่อแขนงต่าง ๆ และค้นหาสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้เธอ เธอศึกษาเกี่ยวกับกวีนิพนธ์ การร้องเพลง กีตาร์อะคูสติก และการเต้นรำทุกประเภท ทั้งฮิปฮอป ร่วมสมัย เบรกแดนซ์ และ Afro-Brazilian เธอชื่นชอบในการได้พบว่าตัวเองสามารถถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงและการเคลื่อนไหว

 

 

 

ในช่วงอายุยี่สิบต้น ๆ Anna ตั้งวงทรีโอร่วมกับเพื่อนอีกสองคน คือมือเบสและมือกลอง และเริ่มเล่นดนตรีตามบาร์ริมชายหาดนอกเมือง ตัวบาร์เปิดออกสู่ถนนโดยตรง ทำให้เสียงเพลงของพวกเขาถูกกลบด้วยเสียงเครื่องยนต์และเสียงแตรอยู่บ่อยครั้ง นักดนตรีบางคนอาจรู้สึกหงุดหงิดกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ Anna กลับไม่เป็นเช่นนั้น สำหรับเธอ เสียงรบกวนไม่ว่าจะมาจากธรรมชาติหรือฝีมือมนุษย์ ตั้งใจหรือเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ล้วนแต่มีความน่าสนใจทั้งนั้น แทนที่จะมองว่ามันเป็นอุปสรรค วงทรีโอของเธอกลับทดลองนำเสียงเหล่านั้นมาผสมผสานเข้ากับดนตรีของตัวเอง

 

 

 

ความเป็นธรรมชาติแบบไม่ได้วางแผนนี้จึงกลายเป็นจุดเด่นของวง และต่อยอดไปสู่การเคาะจังหวะด้วยร่างกาย ซึ่งบางครั้งทำให้เธอและเพื่อนร่วมวงเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้ชม และใช้โต๊ะและเก้าอี้เป็นพร็อพ เธอเล่าว่าครั้งหนึ่ง มือกลองของเธอใช้ไม้กลองเคาะขวดแก้วที่ใส่เทียน ซึ่งส่งเสียงสั่นไหวที่ไพเราะมาก ๆ…จนกระทั่งขวดแตก “ตอนนั้นเป็นอะไรที่บ้ามาก ๆ ค่ะ” เธอพูดแล้วยิ้ม “แต่พวกเราก็เล่นต่อไป ปล่อยให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของโชว์ไปเลย”

 

 

 

การอิมโพรไวส์และการใช้ร่างกายจึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของดนตรีของ Anna เมื่อเราคุยกันเรื่องนี้ในคืนนั้นที่บาร์เซโลนาหลังจากการแสดงของเธอ เธอบอกผมว่าทั้งการแต่งเพลงหรือการแสดงดนตรีไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นจากเหตุผลหรือความคิด “ฉันปล่อยให้ร่างกายซึมซับทุกสิ่ง แล้วให้มันพาฉันไปเอง” และองค์ประกอบสำคัญของเรื่องนั้น ก็คือการได้ร่วมงานกับนักดนตรีที่มี “สายสัมพันธ์ทางศิลปะ” อย่างแท้จริงกับเธอ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ “หมายความว่าฉันแค่รับฟังด้วยหัวใจที่เปิดกว้างและเชื่อในแรงกระตุ้นอะไรก็ตามที่ฉันได้รับ ทุกอย่างนี้เกิดมาจากสัญชาตญานล้วน ๆ” ผมเข้าใจความหมายที่เธอพูดอย่างชัดเจน ยกเว้นว่าตอนนี้ผมไม่ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้กับดนตรีอีกต่อไปแล้ว แต่ใช้มันเพื่อความก้าวหน้าทางในธุรกิจแทน

การปรับตัวแบบอิมโพรไวส์ในสถานการณ์ที่ยาก ๆ

ผมโชคดีที่ได้บริหารบริษัทร่วมกับเพื่อนเก่าอย่าง Tim ซึ่งเป็นคนที่ผมไว้วางใจและรู้จักเป็นอย่างดีจนสามารถเดาได้บ่อย ๆ ว่าเขาจะพูดอะไรต่อก่อนที่เขาจะพูดออกมาจริง ๆ ซะอีก ในสถานการณ์ยาก ๆ อย่างเช่น การนำเสนอธุรกิจต่อลูกค้าที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือเมื่อมีข่าวร้ายต้องแจ้งกับทีม ผมสังเกตเห็นว่าความสามารถในการอ่านใจกันและกันช่วยเราไว้ได้มากแค่ไหน เมื่อมี Tim อยู่ข้าง ๆ การนำเสนอสามารถกลายเป็นการประสานงานที่มีชีวิตชีวาและหลายมิติ

 

 

 

ตัวอย่างที่ผมนึกขึ้นมาได้ทันทีคือข้อเสนอที่เราจัดทำให้กับแบรนด์เก่าแก่แบรนด์หนึ่งในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจ แบรนด์นี้แตกต่างจากแบรนด์ที่เราทำงานด้วยเป็นประจำ โดยเป็นแบรนด์ที่มีแนวคิดแบบดั้งเดิมและอนุรักษ์นิยม มีประวัติมายาวนานกว่าร้อยปีในฐานะผู้นำตลาดเฉพาะกลุ่ม และมีฐานลูกค้าที่ให้คุณค่ากับความต่อเนื่องและประเพณี เราทำผิดพลาดแบบมือใหม่โดยเสนอในสิ่งที่คิดว่าพวกเขาต้องการ ซึ่งก็คือข้อเสนอที่สอดคล้องกับเนื้อหาปกติของพวกเขา โดยไม่ได้พิจารณาว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงจ้างเรา ในฐานะสตาร์ทอัปหัวก้าวหน้าที่มีชื่อเสียงในด้านผลงานที่สร้างสรรค์แหวกแนว เราควรจะอนุมานได้ว่าพวกเขาไม่ได้มาหาเราเพื่อต้องการอะไรแบบเดิม ๆ

 

 

 

พอถึงช่วงกลางของการนำเสนอ ผมก็รู้ทันทีว่าไอเดียนี้ใช้ไม่ได้ผล ผมสบตากับ Tim แล้วรู้ว่าเขาเองก็คิดแบบเดียวกัน เลยเปลี่ยนแผนกะทันหันทันที "จริง ๆ แล้วเรามีไอเดียที่แหวกแนวอีกอันอุบไว้อยู่" ผมบอกออกไป เมื่อสายตาของคณะกรรมการเป็นประกาย ผมก็เริ่มพูดออกไปโดยที่ยังไม่รู้ทิศทางที่แน่ชัด พูดในเรื่องทั่ว ๆ ไปที่เกี่ยวกับสิ่งที่ลึกลับ ซับซ้อน และอธิบายไม่ได้เกี่ยวกับแบรนด์ของพวกเขา ผมแทบจะควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่ในตอนนั้น แต่ Tim ก็เข้ามารับช่วงต่อด้วยกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม เขาขอให้ผู้บริหารเขียน "ความฝันที่เป็นแฟนตาซี" สำหรับแบรนด์ลงบนกระดาษ และเมื่อเราอ่านมันออกมาดัง ๆ มันก็ช่วยจุดประกายให้เกิดบทสนทนาอันน่าทึ่งเกี่ยวกับทิศทางที่แคมเปญนี้จะไปต่อได้

 

 

 

เป็นการผสมผสานของทักษะหลาย ๆ ด้านที่ช่วยให้เราคว้าสัญญานี้มาได้ เราเตรียมการนำเสนอที่ผิดพลาดไป แต่ด้วยการรับฟัง การสังเกตบรรยากาศในห้อง การตอบสนองซึ่งกันและกัน และการเปิดกว้าง ตื่นตัว และพร้อมอยู่เสมอ เราจึงปรับทิศทางการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น และช่วยรักษาดีลนี้ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามักจะคิดว่าธุรกิจเป็นเพียงแค่การทำงานของสมอง ต้องใช้ตรรกะ กลยุทธ์ การวิเคราะห์ ข้อมูลเชิงลึก การคิดเชิงวิพากษ์ และประสบการณ์ตามแบบแผน แต่อย่างไรก็ดี สัญญาฉบับนี้ได้ย้ำเตือนผมว่างานของผมสามารถเป็นเรื่องของร่างกายและจิตใจได้เช่นกัน ในแบบที่ต้องอาศัยทักษะทางอารมณ์ สัญชาตญาณ และความคิดสร้างสรรค์ แบบเดียวกับในสมัยที่ผมเล่นดนตรีและแต่งเพลงกับเพื่อน ๆ

เมื่อจิตวิญญาณมาบรรจบกับร่างกาย

เมื่อผมได้ตระหนักถึงเส้นทางที่เชื่อมระหว่างชีวิตในอดีตในฐานะนักดนตรีกับชีวิตปัจจุบันในฐานะผู้นำทางธุรกิจ ผมเลยพยายามตั้งใจที่จะรักษาช่องทางนั้นให้เปิดไว้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในการประชุม การเจรจา และการนำเสนอธุรกิจ ผมจึงเตือนตัวเองไว้เสมอว่าอย่าคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่ให้จดจ่ออยู่กับช่วงเวลานั้น ฟังอย่างตั้งใจ และรับรู้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องอย่างละเอียด

 

สำหรับผม สิ่งสำคัญคือการหยุดคิดฟุ้งไปมา และดึงตัวเองกลับมาอยู่กับความรู้สึกและร่างกายในปัจจุบัน ผมได้ค้นพบว่าการฝึกไบโอฟีดแบ็กและการตระหนักรู้ทางร่างกายช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัว รับฟัง และเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น ยิ่งผมรับรู้สัญญาณจากร่างกายของตัวเองมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายขึ้นที่จะอยู่กับปัจจุบัน จดจ่อ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนกับการได้ยินดนตรีและสามารถใส่ทำนองของตัวเองเข้าไปได้อย่างลงตัว นี่คือเทคนิคบางอย่างที่ช่วยคุณได้

 

 

1. จะสู้ หนี … หรือพักหายใจก่อนดี - เมื่อเราได้รับข้อมูลใหม่ ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว เรามักจะเกิดความรู้สึกตื่นเต้นหรือประหม่าพุ่งพล่านขึ้นมาทันที อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น และหลายคน (รวมถึงผมด้วย) จะรู้สึกแน่นที่หน้าอก เพื่อรับมือกับข้อมูลนี้ให้ได้ดี ซึมซับข้อมูล และเปลี่ยนทิศทางไปอย่างเหมาะสม คุณจำเป็นต้องตั้งสติให้ได้ก่อน ผมตั้งใจหายใจเข้าลึก ๆ จดจ่ออย่างมีสมาธิ ซึ่งจะช่วยทำให้ระบบประสาทสงบและรู้สึกผ่อนคลาย จากนั้น ผมก็จะสามารถตั้งคำถามได้อย่างเหมาะสมและคงความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้ เมื่อยืนหยัดได้มั่นคงแล้ว ผมจึงสามารถจะมองโลกในแง่ดีและรับมือแบบเชิงรุกกับการเปลี่ยนแปลงแผนกะทันหันได้

 

 

2. รับฟังอย่างตั้งใจเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่เพื่อโต้ตอบ โดยการรับฟังอย่างตั้งใจต้องอยู่กับปัจจุบันอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานเล็ก ๆ แต่มีอิทธิพลอย่างมาก เมื่อคุณตั้งใจฟังสิ่งที่คนอื่นกำลังพูด จิตใจของคุณจะเกิดความสงบ คุณจะสังเกตว่าท่าทางร่างกายของคุณผ่อนคลายลงเมื่อรับฟังอย่างตั้งใจจริง ๆ โดยไม่รู้สึกตึงที่กราม คอ หรือไหล่ ท่าทางนี้ไม่เพียงทำให้คุณผ่อนคลาย แต่ยังช่วยให้คุณใจเย็นลงอีกด้วย ในชีวิตการทำงาน ผมสังเกตว่าการฟังอย่างตั้งใจช่วยสร้างความไว้วางใจ ความปรารถนาดี และความมั่นใจได้มากเพียงใด ผมคิดว่ามันช่วยเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ของผม ทำให้ตอบสนองอย่างรอบคอบและสนับสนุนผู้อื่นได้ง่ายขึ้น รวมถึงสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

 

 

3. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ เฉกเช่นเดียวกับนักดนตรีแจ๊สที่อิมโพรไวส์จากโน้ตที่ออฟบีต ผู้นำทางธุรกิจที่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นโดย "บังเอิญ" และความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างทาง มักจะค้นพบแนวทางแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ โดยไม่คาดคิด ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นโอกาสในการปรับตัว เรียนรู้ และสำรวจเส้นทางสร้างสรรค์ที่คุณอาจไม่เคยพิจารณามาก่อน ด้วยการเปลี่ยนมุมมองและเปิดรับสิ่งที่ไม่คาดฝัน คุณจะสร้างกรอบความคิดที่ช่วยให้คุณคงไว้ซึ่งการเปิดกว้าง ยืดหยุ่น และสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ความผิดพลาดไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นส่วนหนึ่งของการอิมโพรไวส์ที่นำไปสู่ความสำเร็จหรือการค้นพบที่ไม่คาดคิด

เกี่ยวกับผู้เขียน

Anna Tréa เป็นนักร้อง นักกีตาร์ นักแต่งเพลง และนักดนตรีที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิดจากบราซิล ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นจากการแสดงบนเวทีอันทรงพลัง และเทคนิคการเล่นเพอร์คัสชันซึ่งผสมผสานระหว่างกีตาร์ เบส และการเคาะจังหวะด้วยร่างกาย เสียงดนตรี Afro POP ของเธอผสานจังหวะของ Afro-Brazilian เข้ากับเพลงป็อปสากลและบทกวีที่ลึกซึ้งและมีความหมาย เธอเคยร่วมงานกับศิลปินชาวบราซิลผู้ทรงอิทธิพลหลายคน เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีของงาน Women’s Music Event Awards และเป็นนักดนตรีประจำในรายการโทรทัศน์ช่วงดึกชื่อดังของบราซิล ในปี 2023 เธอเป็นผู้เข้าแข่งขัน The Voice Spain และขึ้นแสดงที่งาน WOMEX ซึ่งเป็นมหกรรมดนตรีระดับโลกที่สำคัญที่สุด ปัจจุบัน Anna อาศัยอยู่ในยุโรปและกำลังทำอัลบั้มที่สองของเธอ

 

Till Grusche เป็นผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์เกือบสองทศวรรษในบทบาทด้านการตลาดและการพัฒนาธุรกิจระดับโลก ก่อนร่วมก่อตั้ง House of Beautiful Business ในปี 2017 Till ใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพการงานอยู่กับบริษัทออกแบบชั้นนำและที่ปรึกษาด้านดิจิทัลในอัมสเตอร์ดัม ซานฟรานซิสโก ลอนดอน เบอร์ลิน และมิวนิก Till เคยดำรงตำแหน่ง CMO ที่ Carpooling แพลตฟอร์มการเดินทางร่วมกันที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในเวลานั้น โดยมีผู้ใช้งานกว่า 6 ล้านคน เขายังคงเป็นนักร้องในวงพังก์ร็อกวงเดิม โดยหวังที่จะมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ปี 1996

ค้นหา Pullman Drafts ก่อนหน้านี้ของเรา